หน้าแรก การศึกษาและเทคโนโลยี การศึกษา

6 องค์กรยื่น ‘บิ๊กตู่’ ขอเลื่อน ‘เปิด-ปิดเทอม’ ตามเดิม แจงยึดเวลาตามอาเซียนเกิดผลกระทบเพียบ

เมื่อวันที่ 5 กันยายน นายชัยวุฒิ ฉัตรอุทัย ประธานที่ประชุมประธานสภาอาจารย์มหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทย (ปอมท.) เปิดเผยว่า วันนี้ได้เข้ายื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ผ่านศูนย์บริการประชาชน สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องขอให้ทบทวนการเปิด-ปิดภาคเรียนของสถาบันอุดมศึกษาไทย เนื่องจากที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) มีมติให้สถาบันอุดมศึกษาปรับเปลี่ยนปฏิทินการศึกษาตามอาเซียนตั้งแต่ปีการศึกษา 2557 ทำให้สถาบันอุดมศึกษาเกือบทุกแห่งต้องปรับเปลี่ยนการเปิดภาคเรียน โดยภาคเรียนที่ 1 เปิดเดือนสิงหาคม-ธันวาคม และภาคเรียนที่ 2 เปิดเดือนมกราคม-พฤษภาคม ทำให้ระบบการศึกษาไทยขาดเอกภาพ เนื่องจากความไม่ต่อเนื่องกันระหว่างอุดมศึกษากับการศึกษาขั้นพื้นฐาน สร้างผลกระทบทั้งทางตรง และทางอ้อมต่อการจัดการเรียนการสอน ดังนี้ 1.การเปิด-ปิดภาคเรียนที่ 2 ในเดือนมีนาคม-พฤษภาคม ซึ่งเป็นฤดูร้อนของไทย สถาบันอุดมศึกษาส่วนใหญ่จำเป็นต้องใช้ไฟฟ้า และน้ำจำนวนมาก ทำให้มีโอกาสเกิดวิกฤตขาดแคลนไฟฟ้า และน้ำในหลายพื้นที่ อีกทั้ง กระทบศักยภาพในการเรียนรู้ของนักศึกษาที่ลดลง

นายชัยวุฒิกล่าวอีกว่า 2.ช่วงเวลาการเปิด-ปิดภาคเรียนไม่ความเหมาะสมกับวิถีชีวิตของไทย เนื่องจากเดือนเมษายนมีวันหยุดมาก ทำให้เกิดผลกระทบกับระยะเวลาการเรียนการสอน 3.การเปิดภาคเรียนในช่วงฤดูร้อนที่อากาศร้อนจัด และขาดแคลนน้ำ กระทบต่อการจัดการเรียนการสอน การวิจัย และการบริการวิชาการต่างๆ โดยเฉพาะด้านการเกษตร ที่จะต้องใช้ทรัพยากรน้ำจำนวนมาก นักศึกษาเกษตรประสบปัญหาในการทำกิจกรรมการเรียน และการฝึกปฏิบัติในแปลงเกษตร รวมถึง ประสบปัญหาในการเรียนการสอนด้านสัตว์น้ำ เนื่องจากไม่ใช่ช่วงเวลาวางไข่ของสัตว์น้ำ 4.การเปิด-ปิดภาคเรียนไม่สอดคล้องกับโรงเรียนในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) รวมทั้ง โรงเรียนสาธิต ทำให้การฝึกประสบการณ์วิชาชีพของนิสิต นักศึกษาจากคณะครุศาสตร์ ศึกษาศาสตร์ทั่วประเทศทำได้ไม่เต็มที่ เพราะไม่มีสถานที่ฝึกการปฏิบัติการสอน และ 5.บัณฑิตชายที่จบอาจประสบปัญหาในการสมัครงาน เนื่องจากจบในเดือนมิถุนายนซึ่งเป็นช่วงหลังการผ่อนผันการเกณฑ์ทหารในเดือนเมษายน ทำให้ไม่สามารถสมัครงานได้

“ปอมท., ที่ประชุมประธานสภาคณาจารย์และข้าราชการแห่งประเทศไทย (ทปสท.), ที่ประชุมประธานสภาคณาจารย์และข้าราชการมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (ปคมทร.), สภาคณบดีคณะครุศาสตร์ ศึกษาศาสตร์แห่งประเทศไทย (สคศท.), สภาคณบดีสาขาการเกษตรแห่งประเทศไทย และศูนย์ประสานงานบุคลากรในสถาบันอุดมศึกษาของรัฐ (CHES) เห็นตรงกันว่าการกำหนดวันเปิด-ปิดภาคเรียนของไทย ควรกำหนดตามสภาพภูมิอากาศ และวัฒนธรรม โดยได้สำรวจความคิดเห็นของผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ซึ่งผลชี้ชัดว่าการเปิด-ปิดตามอาเซียนเกิดผลเสียมาก และเสนอผลการสำรวจต่อเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา และ ทปอ.รวมทั้ง ร้องเรียนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) แต่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ที่ประชุมร่วมกันของ 6 องค์กร มีความเห็นเป็นเอกฉันท์ว่าควรให้สถาบันอุดมศึกษากลับมาเปิด-ปิดภาคเรียนตามเดิม จึงเสนอนายกฯ พิจารณา เพื่อให้เริ่มใช้ได้ตั้งแต่ปีการศึกษา 2562” นายชัยวุฒิ กล่าว

ที่มา: https://www.matichon.co.th/