หน้าแรก ข่าวต่างประเทศ

วิกฤตเยเมน! สุดเศร้า

ถ้าเราไม่เข้าใจความขัดแย้งในสาธารณรัฐเยเมน เราก็ไม่สามารถจะมองโลกตะวันออกกลางได้ทะลุปรุโปร่ง การวิเคราะห์ต่างๆ ก็คงจะขาดๆวิ่นๆ

เยเมนมีทำเลอยู่ในเอเชียตะวันตกเฉียงใต้ เป็นส่วนหนึ่งของตะวันออกกลาง ติดทั้งทะเลอาหรับ อ่าวเอเดน ทะเลแดง โอมานและซาอุดีอาระเบีย มีเนื้อที่เท่ากับไทย แต่ประชากรน้อยกว่าเรา 3 เท่า ผู้คนนับถือศาสนาอิสลาม ใช้ภาษาอารบิก เมืองหลวงคือกรุงซานา เป็นชาติยากจนมาก จีดีพีต่อหัวเพียง 856 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อคน

ผู้ใหญ่ของผมไปเยือนกรุงซานาแล้วก็กลับมาเล่าว่า ซานาแม้เป็นเมืองหลวง ทว่าล้าหลังอย่างนึกไม่ถึง มีตึกรามบ้านช่องขนาดเล็กตั้งอยู่บนเนินเขาที่สลับซับซ้อน ยานพาหนะที่วิ่งขวักไขว่ไปมาก็อยู่ในสภาพเก่าตกรุ่น ส่วนหนึ่งของถนนหนทางยังเป็นลูกรังเป็นหลุมเป็นบ่อ โครงสร้างพื้นฐานและการสาธารณูปโภคของเยเมนไม่ดี น้ำดื่มน้ำใช้ไฟฟ้าไม่พอ การสาธารณสุขของเยเมนแย่ที่สุด บุคลากรทางการแพทย์มีน้อย ที่มีอยู่ในปัจจุบันก็ไม่น่าจะมีคุณภาพเมื่อเปรียบเทียบกับพัฒนาการทางการแพทย์ในโลกปัจจุบัน

จะมีสักกี่ประเทศในโลกครับ ที่มีทั้งน้ำมันและมีทำเลที่เป็นประตูการค้าไปสู่ยุโรป แอฟริกา และเอเชียของจริง มีท่าเรือเอเดน ทะเลของเยเมนก็สมบูรณ์ไปด้วยสัตว์ทะเล แต่กลับยังเป็นประเทศที่ยากจนข้นแค้นมาก

คนต่างชาติในเยเมนมีน้อย ต่างกลัวสงครามความขัดแย้ง ยกเว้นคนจีนที่ไม่กลัวเข้าไปลงหลักปักฐานลงทุนในกิจการต่างๆ ทั้งการก่อสร้าง การจับสัตว์น้ำทะเล ฯลฯ

ที่ผมเอาเรื่องเยเมนมาเขียนเพราะสงสารคนเยเมนครับ ตั้งแต่ พ.ศ.2558 เป็นต้นมา กองทัพซาอุดีอาระเบียเอาระเบิดไปหย่อนลงแผ่นดินเยเมนแล้ว 16,633 เที่ยว ผู้คนเยเมนตายกลายเป็นผีมากมายหลายหมื่นศพ

มนุษย์ส่วนใหญ่ในประเทศนี้มีอาหารไม่พอยาไส้ ขาดแคลนไปหมดครับ ทั้งอาหาร ยารักษาโรค น้ำ ฯลฯ แม้ไม่โดนระเบิดก็อาจจะตายเพราะขาดอาหาร สหประชาชาติบรรยายสถานการณ์ในเยเมนระหว่าง พ.ศ.2558-2561 ว่า เป็นเหตุการณ์เศร้าเคล้าน้ำตาครั้งร้ายแรงที่สุดของมวลมนุษยชาตินับตั้งแต่สิ้นสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นต้นมา

สถาบันสงครามหลายแห่งศึกษาการทิ้งระเบิดของซาอุดีอาระเบียพบว่า เป้าหมาย 1,424 แห่ง หรือร้อยละ 31 ของเป้าหมายที่โดนหย่อนระเบิดทั้งหมดนั้น เป็นเป้าหมายพลเรือน เป็นบ้านที่ใช้ซุกหัวนอนของคนเยเมน ตอนนี้มีเด็กเยเมนมากกว่า 4 ล้านคนไม่มีโรงเรียนเรียนหนังสือ โรงเรียนถูกระเบิดของซาอุดีอาระเบียพังราบเป็นหน้ากลอง 1,600 แห่ง โรงงานผลิตอาหารการกิน โรงปูนซีเมนต์ โรงเลื่อย ฯลฯ หายไป 57 แห่งเพราะโดนระเบิด

เยเมนเป็นแผ่นดินโบราณที่เต็มไปด้วยโบราณสถาน ตอนนี้โบราณสถานเก่าแก่โดนระเบิดหายไปจำนวนไม่น้อย อาคารสำคัญ รวมทั้งเขื่อนมาริบของพระนางชีบา ป้อมโบราณเมืองซานา ปราสาทราชวัง ฯลฯ บางแห่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ถึงวันนี้ก็โดนระเบิดพังไปไม่ต่ำกว่า 44 แห่ง มัสยิดอัลฮาดีที่มีอายุเก่าแก่ 1,200 ปีก็ไม่เหลือแม้แต่ซาก

อาวุธยุทโธปกรณ์ที่ซาอุดีอาระเบียใช้ทำลายเพื่อนบ้านซื้อมาจากสหรัฐฯและอังกฤษ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา มกุฎราชกุมารซาอุดีอาระเบีย เจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาล เดินทางไปพบนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ซาอุดีอาระเบียซื้ออาวุธอังกฤษอีกหลายประเภท นายกฯเมย์ออกสื่อชื่นชมมกุฎราชกุมารซาอุดีอาระเบียยกใหญ่ ว่าการช่วยซื้ออาวุธทำให้เกิดการจ้างงาน และนำเม็ดเงินเข้าอังกฤษได้อีกหลายพันล้านดอลลาร์

มกุฎราชกุมาร เจ้าชายโมฮัมเหม็ด ยังบินไปพบทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ พบกันแล้ว ทรัมป์ก็ออกมาบอกข่าวอันประเสริฐกับสื่อมวลชนอเมริกัน ว่าซาอุดีอาระเบียซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ของสหรัฐฯ 200,000 ล้านดอลลาร์ (7 ล้านล้านบาท) จะทำให้เกิดการจ้างงานในสหรัฐฯอีก 40,000 ตำแหน่ง

ต่อมา เจ้าชายโมฮัมเหม็ดประกาศซื้ออาวุธอเมริกันเพิ่มอีก 400,000 ล้านดอลลาร์ (14 ล้านล้านบาท) คราวนี้ คนอเมริกันที่ได้ยินข่าวก็ออกมาเชียร์ทรัมป์กับเจ้าชายโมฮัมเหม็ดกันขนาดใหญ่

ทว่าประชาชนคนเยเมนเศร้าครับ อาวุธจากอังกฤษและสหรัฐฯลอตใหม่นี้ ไม่รู้ว่าคนเยเมนจะตายไปอีกกี่หมื่นศพ

ผมยังแปลกใจ ว่าทำไมหน่วยงานโลกและองค์กรเอกชนด้านสิทธิมนุษยชน ทั้งในและนอกประเทศจึงเงียบเรียบร้อยราวกับว่าคนเยเมนไม่สลักสำคัญอะไรในโลกมนุษย์

ไม่เหมือนกรณีโรฮีนจาที่เมียนมา ที่ต่างตะโกนก้องร้องบอกย้ำๆ ซ้ำๆ มากกว่าสามล้านแปดแสนห้าหมื่นเจ็ดพันสองร้อยแปดสิบห้ารอบ.

ที่มา: thairath